ในรถยนต์ EV แบตเตอรี่จะมีหน่วยเป็น kWh โดย 1 kWh = 1,000 Wh จะบอกถึงความจุแบตเตอรี่ทั้งหมดที่ใส่มาในตัวรถยนต์ไฟฟ้าคันนั้นๆ
สเปคของแบตเตอรี่ที่บอกไว้ขนาด 79 kWh ในความเป็นจริงนั้นเราจะใช้ได้ประมาณ 73.5 kWh
เพราะว่าในระบบของตัวรถนั้นจะมีการล็อคความจุเอาไว้ส่วนนึง โดยจะแบ่งเป็น Top Protection Buffer (ที่เห็นว่าชาร์จเต็ม 100% แล้ว แต่จริงๆยังมีความจุอีกประมาณ 3-4% ที่กันเอาไว้เพื่อป้องกันการชาร์จเต็มเกินไป) และ Bottom Protection Buffer (ส่วนที่ต่ำกว่า 0% อีกประมาณ 3-4% เช่นกัน) เพราะถ้าหากใช้แบตจนหมดเกลี้ยง จะทำให้ตัวแบตเสียหายได้ ส่งผลให้การเก็บประจุไฟนั้นไม่ได้ประสิทธิภาพเท่าเดิม
รถEV จึงมีการออกแบบระบบมาเพื่อเป็นการป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับแบตเตอรี่
ถึงแม้ว่าแบตเตอรี่จะขึ้นว่าเหลือ 0% แต่รถก็ยังสามารถวิ่งต่อไปได้อีกซักระยะนึง (Miles After Zero Indicated Range) จนกว่าระบบจะตัดการใช้งานของแบตเตอรี่
นอกจากนี้ในตัวแบตเตอรี่ยังมีระบบไฟฟ้า(Battery Electrical System), ระบบจัดการแบตเตอรี่(BMS), รวมถึงระบบจัดการความร้อน(Battery Cooling System) เพื่อใช้ระบายความร้อน หรือเพิ่มความร้อน เพื่อให้ตัวแบตเตอรี่อยู่ในช่วงอุณหภูมิที่เหมาะสม
.
แบตเตอรี่ในปัจจุบันขนาด 60-100 kWh จะมีน้ำหนักโดยประมาณอยู่ที่ 385-544 กิโลกรัม.