2.3.1 การเลือกใช้แหวนกันพลาสติกไหลย้อนกลับ
ตามที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าแหวนกันพลาสติกไหลย้อนกลับหรือ Check Ring นั้นจะทำหน้าที่เป็นลูกสูบในการขับดันพลาสติกเหลวในกระบอกฉีดให้ไหลเข้าแม่พิมพ์ โดยป้องกันพลาสติกเหลวไหลย้อนผ่านแหวนกลับเข้ากระบอกฉีดได้ นอกจากนี้ในจังหวะที่สกรูหมุนเพื่อหลอมและป้อนพลาสติกเหลวไปข้างหน้าปลายสกรูนั้น พลาสติกเหลวจะดันแหวนไปยันกับหัวจรวด (Screw Tip) พร้อมกับไหลลอดผ่านรูแหวนและร่องที่หัวจรวดไปอยู่ด้านหน้าของปลายสกรูด้วย พลาสติกเหลวที่ไหลไปอยู่ด้านหน้าของปลายสกรูจะไม่สามารถไหลออกจากหัวฉีดได้เนื่องจากในช่วงจังหวะการทำงานนี้แม่พิมพ์ยังปิดอยู่ รวมทั้งมีพลาสติกที่เป็นตัวชิ้นงานอยู่ภายในแม่พิมพ์และปิดรูของหัวฉีดอยู่ด้วยนั่นเอง เมื่อพลาสติกเหลวมีปริมาณมากขึ้นจนกระทั่งมีแรงมากกว่าค่าความฝืดที่ผิวของสกรูกับกระบอกฉีดพลาสติกเหลวจะดันแหวนให้กลับไปยันกับบ่าของสกรู ทำให้สกรูถอยหลังกลับไปทางด้านกรวยเติมเม็ดพลาสติกได้ โดยที่พลาสติกเหลวไม่สามารถไหลลอดผ่านรูแหวนกลับเข้าไปในร่องเกลียวสกรูได้ตามเดิม เนื่องจากแรงที่ทำให้แหวนยันอยู่ที่บ่าของตัวสกรูที่มาจากความดันพลาสติกเหลวกระทำกับพื้นที่หน้าตัดวงแหวนของตัวแหวนนั้น มีค่า มากกว่าแรงที่จะทำให้แหวนเปิด ซึ่งมาจากความดันพลาสติกเหลวค่าเดียวกันที่ไหลอยู่ในรูแหวนและกระทำกับเส้นรอบวงของรูแหวนเท่านั้น (ไม่มีพื้นที่ให้ความดันกระทำจึงไม่มีแรงเกิดขึ้น) จากการทำหน้าที่ของตัวแหวนดังที่ได้กล่าวมานี้จะเห็นได้ว่าตลอดเวลาที่สกรูหมุนและถอยหลังกลับ ตัวแหวนจะต้องเคลื่อนที่ไปมาตามแนวแกนอยู่ตลอดเวลาเช่นกันโดยทั่ว ๆ ไปแหวนกันพลาสติกไหลย้อนกลับจะมีอยู่ 2 ลักษณะ คือ
1. แหวนแบบที่มีเขี้ยวเกี่ยวล็อกอยู่กับหัวจรวด (Screw Tip)
แหวนแบบนี้จะหมุนไปพร้อมกับสกรู ในจังหวะที่สกรูหมุนเพื่อหลอมและป้อนพลาสติกเหลวไปด้านหน้าของปลายสกรู การสึกหรอจะเกิดขึ้นที่บริเวณพื้นที่ผิวตามแนวเส้นรอบวงของตัวแหวนมากกว่าส่วนอื่น การซ่อมแซมเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่จะไม่สามารถทำได้เนื่องจากจะยิ่งทำให้เกิดช่องว่างระหว่างสกรูกับกระบอกมากขึ้น และถ้าเจียระไนผิวแล้วชุบโครเมียมแข็งจะยิ่งทำให้ผิวของรูกระบอกเกิดการสึกหรอเสียหายมากขึ้นด้วย นอกจากนี้แหวนแบบที่มีเขี้ยวจะมีราคาแพงและสร้างได้ยาก